ออกกำลังกาย

เล่นกีฬาได้โดยไม่ต้องเปลืองเงิน 4 กีฬาที่เล่นแล้วหุ่นดี มีตังค์เหลือ

 การเล่นกีฬาเกือบทุกประเภทต้องมีอุปกรณ์กีฬาเราถึงจะเล่นได้ แต่อุปกรณ์บางชนิดอาจมีราคาสูงมากจนกลายมาเป็นข้อจำกัดของการออกกำลังกาย แต่ถ้าหากเราเลือกเล่นกีฬาให้เหมาะสมกับตัวเราเองและมีจุดประสงค์ของการเล่นเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงนั้น ยังมีกีฬาอีกหลายชนิดที่จะทำให้เราไม่ต้องกลัวว่าจะสิ้นเปลืองแถมยังได้สุขภาพและหุ่นดี ๆ กลับมาอีกด้วย

4 กีฬาเพื่อสุขภาพ เล่นได้ง่าย ๆ ไม่เปลืองเงิน

1.การวิ่ง เป็นกีฬาที่ใช้อุปกรณ์น้อย มีเพียง 1 อย่างที่ควรให้ความสำคัญนั่นคือ รองเท้าสำหรับวิ่ง มีราคาเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันต้น ๆ ที่มีคุณภาพดีและยังใช้ได้นานเพียงแต่ควรเลือกให้เหมาะกับรูปแบบของเท้าเราเพื่อใส่สบายและช่วยลดหรือป้องกันความเสี่ยงจากแรงกระแทกเวลาที่ลงน้ำหนักในการวิ่งแต่ละครั้ง

การไปวิ่งแบบไม่ต้องเสียเงิน คือเลือกวิ่งในสวนสาธารณะใกล้บ้าน สนามกีฬากลางประจำจังหวัดที่ปัจจุบันจะเปิดให้ประชาชนได้เข้ามาใช้พื้นที่ออกกำลังกายแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือพื้นที่ใกล้เคียงที่ปลอดภัยและไม่มีรถราวิ่งพลุกพล่าน เช่น ถนนรอบ ๆ หมู่บ้าน เป็นต้น

2.การกระโดดเชือก อุปกรณ์สำหรับกระโดดเชือกนั้นหาง่าย ราคาไม่แพง เริ่มตั้งแต่หลักร้อยเช่นกัน ที่สำคัญความยาวควรได้มาตรฐานและพอดีกับส่วนสูงของเรา เราสามารถวัดได้ด้วยการยืนเหยียบเชือกตรงกึ่งกลางแล้วดึงเชือกทั้งสองข้างขึ้นตรง ๆ ถ้าความยาวพอเหมาะกับความสูงของเรา เชือกจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับรักแร้พอดี

การกระโดดเชือกไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกก็ได้ เราสามารถกระโดดเชือกเล่นที่ลานบ้านได้ หรือแม้แต่ห้องนั่งเล่น เพียงแต่ระวังว่าไม่ควรมีข้าวของวางอยู่รอบ ๆ รวมถึงสัตว์เลี้ยงหรือเด็ก ๆ บริเวณนั้น ป้องกันการแกว่งเชือกไปโดนเท่านั้นเอง

3.เปตอง เป็นกีฬาที่เล่นง่ายและเล่นได้ในทุกสนาม เช่น สนามดิน สนามหิน ยกเว้นที่เป็นคอนกรีตและพื้นหญ้า โดยเล่นในที่ร่มก็ได้ กลางแจ้งก็ได้เป็นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมและแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งลูกเปตองหรือเรียกว่า ลูกบูล 1 เซ็ตจะมี 3 ลูก ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยขึ้นไป หากต้องเล่นแข่งขันเปตองก็ต้องมีลูกเปตอง 2 เซ็ต

เปตองเป็นกีฬาที่นิยมอย่างแพร่หลาย ในหมู่บ้านหรือชุมชนมักจะมีสนามเปตองส่วนกลางไว้ให้ลูกบ้านมาร่วมเล่นด้วยกัน ถ้าคุณไม่ได้ซื้อลูกเปตองเองก็อาจจะขอเข้าร่วมเล่นกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน หรืออาจขอเข้าร่วมชมรมเปตองในพื้นที่ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ เราก็สามารถไปร่วมเล่นได้ อาจจะมีค่าสมาชิกชมรมบ้างแต่ไม่แพงแน่นอน เผลอ ๆ บางชุมชนได้รับงบประมาณสนับสนุนการเล่นกีฬา อาจจะเล่นได้ฟรีเพราะไม่ได้เป็นกีฬาที่ใช้พื้นที่สนามและอุปกรณ์การเล่นสิ้นเปลืองมากมายเลย

4.แบดมินตัน อุปกรณ์ที่ใช้ก็คือไม้แบดมินตันและลูกแบดมินตันที่เราคุ้นเคยและเรียกว่า ลูกขนไก่ ถือว่าเป็นอุปกรณ์กีฬาที่ไม่แพงและหาง่าย กีฬาแบดมินตันส่วนใหญ่จะเล่นกันเป็นคู่ ราคาไม้แบดมินตันเริ่มต้นที่หลักร้อย คุณภาพปานกลางก็ใช้ได้ดีทีเดียว ส่วนลูกขนไก่ก็ใช้เล่นได้นานพอสมควรถ้ามือสมัครเล่นไม่เน้นตบหนักก็ใช้เล่นได้ไปยาว ๆ

การเล่นแบดมินตันไม่จำเป็นจะต้องไปเล่นที่สนามแบดมินตันจริงเสมอไป คุณสามารถเล่นสนามหญ้าหน้าบ้าน ลานกีฬาในหมู่บ้านหรือชุมชน เพียงเท่านี้ก็สามารถเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพได้ดีเยี่ยม

 แต่ถ้าหากอยากได้อารมณ์เล่นในสนามจริง เดี๋ยวนี้กีฬาแบดมินตันส่วนใหญ่จะมีสนามฝึกซ้อมหรือที่เราเรียกว่า คอร์ทแบดมินตันเปิดให้เช่าเล่นเป็นรายชั่วโมงอยู่มากมาย คุณอาจจะนัดเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบกีฬาแบดมินตันไปเล่นด้วยกันและแชร์ค่าเช่าสนามกันได้ โดยค่าเช่าคอร์ทส่วนใหญ่เริ่มต้นหลักร้อย หารกันหลายคนก็ถือว่าไม่แพงเลยถ้าเทียบกับสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจของเราที่จะได้รับกลับมา

กีฬาทุกประเภทให้ประโยชน์มากมายต่อร่างกายของคนเราหากเลือกเล่นอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเล่นกีฬาที่ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีราคาสูงจนเกินไปหรือการใช้อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นและทำให้เราสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ  เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีรูปร่างที่ดีได้เช่นกัน

5 กีฬาที่สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องง้อใคร

เทรนด์การออกกำลังกายกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักสุขภาพ หลายคนมองหากีฬาที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ แต่กีฬาส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีผู้อื่นเล่นด้วย แม้ตัวเรามีความพร้อมในการออกกำลังอย่างมาก หากเพื่อนหรือคนรู้จักว่างไม่ตรงกันก็ไม่สามารถสนุกกับกีฬาเหล่านั้นได้ วันนี้จึงขอพาไปทำความรู้จักกับ 5 ชนิดกีฬาที่สามารถเล่นด้วยตัวคนเดียวได้

1. วิ่ง

การวิ่งถือเป็นกีฬาที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แถมยังได้ชื่อว่าเป็นกีฬาที่ประหยัดที่สุด เนื่องจากมีรองเท้าที่เหมาะสมเพียงแค่คู่เดียวก็สามารถเล่นกีฬานี้ได้ ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ความเร็วและระยะทางให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง ซึ่งหากมีความชำนาญมากพอก็สามารถเลือกท้าทายตัวเองด้วยการเข้าร่วมงานวิ่งต่าง ๆ ที่จัดขึ้นทั่วประเทศได้ โดยอาจเริ่มจาก Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร จากนั้นค่อยขยับไปเป็นมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร ไปจนถึงมาราธอนเต็มรูปแบบที่ 42.195 กิโลเมตรในที่สุด

2. ว่ายน้ำ

ว่ายน้ำนับเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬายอดฮิต เพราะนอกจากจะได้ใช้ร่างกายทุกส่วนในการออกกำลังกายแล้ว ยังถือเป็นการคลายร้อนไปในตัวด้วย ซึ่งการว่ายน้ำช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นจำนวนมาก ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ท่าว่ายน้ำตามที่ตัวเองถนัดได้ ไม่ว่าจะเป็นท่าฟรีสไตล์, ท่ากรรเชียง, ท่ากบ และท่าผีเสื้อ นอกจากนั้นการออกกำลังกายในน้ำยังไม่ทำให้ข้อต่อทุกส่วนในร่างกายไม่ได้รับแรงกระแทกอีกด้วย

3. ปั่นจักรยาน

กีฬาปั่นจักรยานเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยมาตั้งแต่วัยเด็กเพื่อออกไปเรียนรู้โลกกว้าง ปัจจุบันมีจักรยานหลายประเภทให้ผู้เล่นเลือกใช้ได้ตามความชอบและกำลังทรัพย์ ตั้งแต่ Utility Bike หรือจักรยานแม่บ้านที่มีตะกร้าหน้ารถ, BMX จักรยานที่เหมาะกับทุกสภาพถนนที่เราคุ้นเคย, Mountain Bike จักรยานที่ออกแบบมาเพื่อใช้วิ่งบนทางวิบากหรือขึ้นเขา ไปจนถึง Fix Gear จักรยานที่ไม่มีเกียร์ทรงคลาสสิค โดยเราสามารถใช้การปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการเดินทางในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

4. สควอช

สควอช เป็นกีฬาที่คล้ายกับเทนนิสแต่ไม่จำเป็นต้องมีผู้อื่นเล่นด้วย โดยเป็นการตีลูกอัดกำแพงและอาศัยแรงสะท้อนจากผนังกลับมา การเล่นสควอชจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์คือไม้แร็กเกตและลูกสควอช ซึ่งลูกสควอชนั้นจะแบ่งเป็น 4 สี คือ ลูกจุดสีฟ้า จะกระดอนเร็วและไกลเหมาะกับผู้เล่นมือใหม่ ส่วนลูกจุดสีแดง จะมีความเร็วและกระดอนน้อยกว่า สำหรับคนที่ชำนาญแล้วและเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย ส่วนลูกจุดสีขาวและสีเหลือง จะกระดอนช้านิยมใช้สำหรับการแข่งขัน

5. กระโดดเชือก

                กระโดดเชือก อีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ง่ายและประหยัด แค่เชือกสำหรับกระโดดเส้นเดียวก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว แถมยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากถึง 800-1,000 แคลอรี่ต่อชั่วโมง แม้จะดูว่าเป็นการออกกำลังกายของเด็ก แต่ปัจจุบันก็ได้มีการจัดแข่งขันกระโดดเชือกชิงแชมป์โลกเป็นประจำอีกด้วย

แม้จะเล่นเพียงคนเดียว แต่ทั้ง 5 ชนิดกีฬาก็ช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ถูกใช้งาน เสริมสร้างการทำงานของหัวใจและปอดให้แข็งแรง ผ่อนคลายความเครียด และยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดีไม่ต่างจากการเล่นกีฬาเป็นหมู่คณะ เรียกได้ว่าเล่นคนเดียว เหนื่อยคนเดียว ก็ได้ประโยชน์คนเดียวเต็ม ๆ

การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งไม่ได้ดีเสมอไป

การออกกำลังกายที่ดีนั้น นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายที่ถูกต้องตามวิธีการของกีฬาประเภทนั้น ๆ หรือการใช้อุปกรณ์ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมแล้ว การออกกำลังกายในสถานที่ที่มีอากศบริสุทธิ์ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนในปัจจุบันหันมาออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพกันมากขึ้น แต่คำถามคือ การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งนั้นทำให้ผู้ออกกำลังกายมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นจริงหรือไม่ ต้องยอมรับว่าปัญหามลพิษ และฝุ่นควันในปัจจุบันรุนแรงมากขึ้น และเป็นปัญหาที่มีผลกระทบไปทั่วบริเวณ ส่งผลต่อการการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่ารวมไปถึงการออกกำลังกายด้วย

บางคนชอบการออกกำลังกายในที่กลางแจ้ง โล่งโปร่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไปตามสตรีท ตามข้างถนน หรือแม้แต่การไปออกกำลังกายตามสวนสาธารณะต่าง ๆ ที่เป็นบริเวณที่โล่งแจ้ง การออกกำลังกายในที่โปร่งโล่งเป็นเรื่องที่ดีหากสภาพแวดล้อมของสถานที่ ที่ผู้คนๆ เลือกใช้ในการออกกำลัง เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เป็นมลพิษ แต่ก็อดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้วผู้คนเหล่านี้ ที่ออกมาออกกำลังกายแบบนี้นั้น จะมีสุขภาพที่แข็งแรงจริง ๆ หรือไม่

การออกมาวิ่งข้างถนน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง ในพื้นที่ ๆ แออัดในความหมายที่ว่า มีการจราจรติดขัดหนาแน่น หรือมีโรงงานอุสาหกรรมค่อนข้างเยอะ การที่เราออกมาวิ่งตามถนนที่มีความแออัดสูงนั้นจะส่งผลให้ขณะที่เรากำลังออกกำลังกาย จะต้องสูดดมมลพิษไปเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ควันจากท่อไอเสียของรถก็ตาม หรือแม้แต่ควันจากการปล่อยของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมก็ตาม

หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยมลพิษ การออกกำลังกายในสวนสาธารณะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราสามารถที่จะออกกำลังกายได้อย่างมีคุณภาพ สูดลมหายใจได้อย่างเต็มที่ แต่ปัญหาคือสวนสาธารณะที่ค่อนข้างอยู่ใจกลางเมืองมาก ๆ สภาพแวดล้อมรอบ ๆ สวนสาธารณะมักจะมีแต่มลพิษ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควันรถยนต์ต่าง ๆ หากคุณสามารถหลีกเลี่ยงไปใช้สวนสาธารณะที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษแล้วนั้น จะช่วยให้การออกกำลังกายของเพื่อน ๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การออกกำลังกายในพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์จริง ๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ หากพื้นที่ที่คุณออกกำลังกายอยู่เป็นประจำมีความแออัดของมลพิษของข้างสูง ควรหลีกเลี่ยงกับการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง อาจจะเปลี่ยนเป็นการไปออกกำลังกายตามคลับฟิตเนสแทน ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ทำให้เราต้องสูดควัน มลพิษต่าง ๆ ซ้ำ ๆ ส่งผลเสียต่อร่างกาย

การออกกำลังกายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่ถูกต้องถูกวิธี การมีอุปกณ์ในการออกกำลังกายที่เหมาะสม มีความพอดิบพอดีกับสัดส่วนของร่างกายแล้ว การเลือกสถานที่ หรือพื้นที่ในการออกกำลังกาย ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ไปกว่ากันเลย

ข้อดีและข้อเสีย ของก่อนออกกำลังกายตอนเช้าก่อนไปทำงาน

หลายคนตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับการออกกำลังกายในตอนเช้า ก่อนที่จะออกไปทำงาน มันดีอย่างไร? ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบเห็นผู้คนมาออกกำลังกายช่วงเย็นสะมากกว่า

วันนี้เราจะไปดูข้อดีและข้อเสียของมันกัน

  1. เสริมสร้างระเบียบวินัย บางทีแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าก็สามารถสร้างระเบียบวินัยให้กับตัวเราเองได้ เพราะว่าเราจะต้องจัดการเวลาในการออกกำลังกายและเวลาในการเตรียมตัวไปทำงานให้ได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นคนมีวินัยในการจัดการสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต
  2. แอคทีฟในการทำงานมากขึ้น เมื่อเราได้ออกกำลังกายก่อนที่จะออกไปทำงานนั้น จะทำให้ร่างกายเราถูกกระตุ้นและทำให้รู้สึกตื่นตัว แอคทีฟอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการใช้แรงจากอวัยภายนอกของร่างกายในการทำงาน หยิบจับอะไรก็จะกระปี้กระเป่าไปเสียหมด หรือใช้อวัยวะภายในอย่างเช่นสมองก็ตาม ทำให้สามารถคิดงานหรือเกิดไอเดียดี ๆ ระหว่างวันได้
  3. มีเวลามากขึ้น ปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะออกกำลังกายหลังเลิกงาน ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเย็น หรือช่วงหัวค่ำก็ตาม การที่เราตื่นเช้าขึ้นและได้ออกกำลังกายในช่วงเช้านั้น จึงทำให้ช่วงเวลาในตอนเย็นหลังเลิกงานของเราจะเหลืออยู่ค่อนข้างเยอะ สามารถบริหารจัดการเวลาตรงนี้ไปทำสิ่งอื่นเพิ่มเติมได้อีกด้วย
  4. นอนหลับสนิท ข้อนี้เป็นข้อที่ค่อนข้างดีมาก ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการนอน นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับแต่ก็หลับไม่สนิท การที่เราตื่นเช้าและไปออกกำลังกายก่อนออกไปทำงานนั้น ทำให้เราใช้พลังงานระหว่างวันไปค่อนข้างเยอะ เมื่อถึงเวลานอนจึงทำให้สามารถหลับได้ง่ายขึ้น และหลับลึกมากขึ้น

เมื่อพูดถึงข้อดีของการออกกำลังกายในตอนเช้าไปแล้ว เราลองมาดูข้อเสียของมันบ้างเพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเสมอ

  1. รู้สึกเพลียและง่วงในช่วงเย็น สำหรับบางคนแล้วการใช้พลังงานไปมาก ๆ ระหว่างวันก็จะทำให้รู้สึกง่วงนอนตอนบ่าย หรือในช่วงเย็น ๆ ฉะนั้นในช่วงเย็นอาจจะต้องบริหารจัดการกับเวลา ไม่ทำงานหรือทำกิจกรรมที่ค่อนข้างใช้ไอเดียมาก ๆ เพราะความเหนื่อยล้าระหว่างวัน ทำให้โฟกัสงานงานหรือกิจกรรมที่ใช้สมาธิมาก ๆ ได้ไม่ดีนัก
  2. รู้สึกล้าตามอวัยวะของร่างกายที่ใช้ออกกำลังกาย บางคนต้องใช้อวัยวะบางส่วนในการทำงานซ้ำ ๆ หลังจากออกกำลังกายแล้ว การไปทำงานต่ออาจจะส่งผลให้เมื่อยล้าอวัยวะส่วนนั้น เช่น การเซ็นเอกสารเยอะ ๆ การออกกำลังกายอย่างการยกน้ำหนักมาก ๆ ก็จะทำให้รู้สึกเมื่อยตามนิ้วมือ หรือข้อมือได้ เป็นต้น

เห็นมั้ยการตื่นแต่เช้าไปวิ่งตามสวนสาธารณะหรือเข้ายิมเพื่อไปเล่นเวทก่อนออกไปทำงานนั้น ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียของมันอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะชั่งน้ำหนักไปทางไหน หรือเลือกที่จะโฟกัสทางที่ดีมากกว่าข้อเสียหรือเปล่า ถ้าข้อดีมันมากกว่าข้อเสีย ก็ตื่นไปออกกำลังกายตอนเช้ากันเถอะ