ฟิตเนส

อยากหุ่นดี ฟิตแอนด์เฟิร์ม มาออกกำลังกายเบา ๆ ด้วยวิธี Body Balance กันเถอะ

เมื่อเทรนด์รักสุขภาพมาแรงอย่างต่อเนื่อง คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและรูปร่างกันมากขึ้น ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็จะเห็นคนมีรูปร่างดี ผิวพรรณสดใสกันเต็มไปหมด การออกกำลังกายแบบ Body Balance ก็เป็นหนึ่งในการออกกำลังที่ช่วยดูแลสุขภาพได้ดีมาก และตอนนี้เป็นที่ยอมรับว่ามีทางเลือกสำหรับการออกกำลังกายมากมายหลายวิธี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนที่ไม่เคยออกกำลังกายหรือมีข้ออ้างต่าง ๆ อยากหันมาออกกำลังกายเป็นประจำมากขึ้น เราจึงอยากนำเสนอให้คุณมาออกกำลังกายแบบบอดี้บาลานซ์ ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอย่างที่คุณอาจจะนึกไม่ถึงมาก่อน

ออกกำลังกายแบบ Body Balance เบา ๆ แต่ได้ประโยชน์มหาศาล

Body Balance คือการออกกำลังกายแบบที่ไม่หนักมากเกินไป คนที่อยากเข้าฟิตเนสแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มออกกำลังกายแบบไหนหรือไปเข้าคลาสไหนดี แนะนำว่าสามารถเริ่มออกกำลังกายด้วยคลาสบอดี้บาลานซ์ได้ง่ายมาก เพราะบอดี้บาลานซ์ คือ การรวมการออกกำลังกายไว้ 3 แบบด้วยกัน นั่นคือ ไทชิ โยคะ และพิลาทิส เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายเริ่มด้วยการวอร์มอัพร่างกายแบบไทชิ หรือโยคะให้พร้อมก่อนไปสู่สเต็ปต่อไป จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่ช่วงกลางคือโยคะ และพิลาทิส โดยเพิ่มน้ำหนักในการเคลื่อนไหวมากขึ้นบวกกับการที่ต้องควบคุมลมหายใจเข้าออกช้า ๆ ให้สัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กับการเคลื่อนไหวร่างกายในท่วงท่าต่าง ๆ

การเล่น Body Balance ในแต่ละคลาส จะมีครูฝึกเป็นผู้นำเพื่อให้คนที่เข้าคลาสได้ทำท่าตามอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะมือใหม่ที่เริ่มต้นเข้าคลาส โดยส่วนใหญ่แล้วครูฝึกจะเตรียมกำหนดท่าทางต่าง ๆ มาเป็นอย่างดี บรรยากาศการออกกำลังกายแบบบอดี้บาลานซ์จะมีเพลงที่เปิดไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวร่างกายประมาณ 10-11 เพลงในแต่ละช่วงของเพลงจะมีท่าให้เล่นประมาณ 4-5 ท่า ซึ่งเป็นเพลงร่วมสมัยให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและยังทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ส่วนทำนองเพลงที่ใช้มักจะกำหนดมาอย่างเหมาะสม และลงตัวกับท่วงท่าในการออกกำลังกาย ซึ่งเราขอนำเสนอท่าต่าง ๆของคลาสบอดี้บานลานซ์ เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นสำหรับคนที่สนใจกันคร่าว ๆ ดังนี้

ท่ามาตรฐานของการออกกำลังกายแบบ Body Balance

เริ่มต้นคลาสเพลงที่ 1 Warm up หรืออบอุ่นร่างกายด้วยการทำไทชิ (หรืออาจจะเริ่มด้วยท่าอบอุ่นร่างกายแบบโยคะก็ได้)

เพลงที่ 2 ท่า Sun Salutation หรือเรียกว่า ท่าไหว้พระอาทิตย์ เป็นท่าโยคะพื้นฐานที่เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน

เพลงที่ 3 การฝึก Standing Strength เป็นท่าที่ช่วยเน้นสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาได้ดีเยี่ยม

เพลงที่ 4 ฝึกท่า Balance เป็นท่าฝึกการทรงตัวของร่างกาย

 เพลงที่ 5 การฝึกท่า Hip Opener หรือท่าเปิดสะโพก เป็นหนึ่งในท่าออกกำลังแบบโยคะ

เพลงที่ 6 การฝึก Abdominal การนำท่าเล่นที่เน้นบริหารช่วงท้องตามแบบพิลาทิส

เพลงที่ 7 การฝึก Core Back ท่าฝึกความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง

เพลงที่ 8 การทำท่า Twist เป็นท่าการบิด ยืดลำตัว หน้าอกและหัวไหล่เป็นต้น

เพลงที่ 9 การฝึก Hamstring Stretch เป็นท่ายืดเหยียดที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ทำให้เกิดความยืดหยุ่น

เพลงที่ 10 Relaxation เป็นช่วงของการผ่อนคลายร่างกาย เช่น การนอนนิ่ง ๆ ในท่าศพแบบโยคะ และกำหนดลมหายใจเข้าออกแบบช้า ๆ

เพลงที่ 11 Recover เป็นการดึงพลังของร่างกายให้กลับมารู้สึกตัวหลังจากที่ได้นอนพักนิ่ง ๆ ไปแล้วเป็นการปิดท้ายของการออกกำลังแบบบอดี้บาลานซ์

เมื่อพิจารณาจากการฝึกท่าต่าง ๆ แบบ Body Balance ตามข้างบน จะเห็นว่าทุก ๆ ท่าที่ฝึก ต่างได้ให้ประโยชน์ในทุกส่วนของร่างกาย ทั้งได้ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความสมดุลและที่สำคัญการทำท่าอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้เล่นมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหว รวมถึงการกำหนดลมหายใจที่ถูกต้องสามารถช่วยในเรื่องการผ่อนคลายของจิตใจและร่างกายได้ดีเยี่ยม หากฝึกบอดี้บาลานซ์เป็นประจำรับรองว่าจะทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงจากภายใน มีรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม บุคลิกดีและมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย ถือว่าได้ออกกำลังกายเบา ๆ แต่ได้ประโยชน์ไม่เบาเลยทีเดียว

ชุดออกกำลังกายแบบไหนที่เหมาะกับกิจกรรมของคุณเมื่อเข้าฟิตเนส

หากจะกล่าวถึงการเข้าฟิตเนส นอกจากเรื่องการเตรียมความพร้อมของร่างกายแล้ว ชุดออกกำลังกายก็นับว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะชุดที่เหมาะสมกับการทำกิจกรรมนั้น ๆ เมื่อคุณอยู่ในฟิตเนส จะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวในการออกกำลังกายมากขึ้น ในวันนี้ทางผู้เขียนจึงได้แบ่งชุดออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้รู้ไว้ และหามาใช้งานให้เหมาะสมกับรูปแบบกิจกรรมที่คุณจะทำนั่นเอง

1. ชุดออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นวิ่ง

                เมื่อคุณวิ่งสิ่งที่รู้สึกได้คือ เริ่มร้อน และมีเหงื่อที่ระบายออกมาตามผิวหนัง ชุดที่เหมาะสมสำหรับออกกำลังกายเมื่อคุณวิ่งจึงควรเป็นชุดที่มีการระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี เนื้อผ้าก็ควรที่จะต้องเป็นผ้าที่แห้งไว ไม่อมเหงื่อ ใส่แล้วรู้สึกสบายตัว ไม่หนักหรือชุ่มไปด้วยเหงื่อ และหากคุณเป็นผู้หญิง อีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะขาดไปไม่ได้ คือ สปอร์ตบรา บางคนอาจถามว่าใส่ไปทำไม เมื่อผู้หญิงอาจจะต้องใส่ชุดชั้นในอยู่แล้ว แต่คุณรู้ไหม ว่าสปอร์ตบราที่ดีจะช่วย support หน้าอกของคุณยามที่คุณเคลื่อนไหวร่างกาย และยังทนต่อแรงกระแทกต่าง ๆ อีกด้วย การเลือกสปอร์ตบราก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน คุณควรจะเลือกตัวที่ใส่กระชับ และเป็นผ้าที่ใส่แล้วสบายตัว

2. ชุดออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเข้าคลาส และเน้นเวทเทรนนิ่ง

เมื่อคุณเข้าไปเล่นคลาสต่าง ๆ ในฟิตเนส อาจกล่าวได้ว่าชุดออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณ โดยหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่สองแบบ แบบแรก คือ คลาสจำพวก Body Combat, Boxing หรือคลาสที่ต้องมีการใช้แรงค่อนข้างเยอะและมีแรงกระแทกค่อนข้างสูง ชุดที่เหมาะสมจึงต้องเป็นชุดที่มีความกระชับ เพื่อที่จะทำให้คุณมีการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและคล่องตัวมากขึ้น และเนื้อผ้ายังต้องบางเบา ระบายเหงื่อได้เป็นอย่างดี และควรเลือกสปอร์ตบราที่เป็น High Impact ที่มีความยืดหยุ่นได้ดี และคล่องตัว ยามคุณออกกำลังกาย

ส่วนผู้ที่ชื่นชอบเล่นเวทเทรนนิ่ง ตรงส่วนนี้ ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมาก คุณสามารถใส่ชุดทั่วไปได้ เพียงแต่ควรดูชุดที่กระชับ และเข้ากับรูปร่างของคุณเป็นพอ ส่วนสปอร์ตบรา ก็เน้นแบบ Medium Impact ที่เน้นเพิ่มความกระชับและรับต่อแรงกระแทกได้

3. ชุดออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเล่น Yoga / Pilates

หากคุณเน้นเข้าคลาสจำพวกโยคะ หรือพิลาทิส แล้วละก็ จะต้องเลือกชุดที่กระชับ พอดีกับตัวคุณ และมีความยืดหยุ่นมาก ๆ เพื่อที่จะช่วยให้เวลาคุณเคลื่อนไหวเมื่อเล่นท่าต่าง ๆ แล้ว เป็นไปได้อย่างคล่องตัว และทำได้อย่างเต็มที่ เนื้อผ้าของชุดที่เหมาะสมกับการเล่นโยคะ ไม่ว่าคุณจะชอบชุดแขนกุด สายเดี่ยว หรือเพียงแค่สปอร์ตบราก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จะต้องมี และจำเป็นมากคือ เนื้อผ้าของชุดที่คุณเลือกจะต้องซับเหงื่อได้ดี

จะเห็นได้ว่า หากคุณเข้าใจหลักการในการเลือกชุดออกกำลังกายที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ จะทำให้คุณรู้สึกสนุกสนาน สบายตัว และมั่นใจในการออกกำลังกายมากขึ้น  นอกจากนั้นชุดที่ดีและเหมาะสมยังช่วยกระชับสัดส่วน ให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

Cardio คือการออกกำลังกายแบบไหน และช่วยให้หุ่นคุณเฟิร์ม ได้อย่างไร

เชื่อว่าคนจำนวนมากที่เน้นเข้าฟิตเนส เพื่อออกกำลังกาย เผาผลาญไขมันในร่างกาย เพื่อเฟิร์มหุ่น หรืออะไรก็ตามที่เป็นจุดประสงค์หลักของคุณ คุณจะต้องได้ยินถึงการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างแน่นอน เพราะมีคลาสในฟิตเนส รวมถึงเครื่องเล่นต่าง ๆ มากมาย ที่เป็นการออกกำลังแบบ คาร์ดิโอ แล้วคุณรู้ไหมว่า แท้จริงแล้ว คาร์ดิโอ ที่คุณได้ยินมานั้น มันคือการออกกำลังแบบไหน ทำไปเพื่ออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

                หากจะกล่าวถึง คาร์ดิโอ แล้ว อาจกล่าวได้ว่า เป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งที่คนให้ความนิยมกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีการทำงานได้ดีขึ้น แถมยังช่วยเผาผลาญไขมันได้อย่างเห็นผลและตรงจุดมาก เพื่อไปสร้างมวลกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะหัวใจให้มีอัตราการเต้นที่เหมาะสม และมีความแข็งแรงมากขึ้นจากปกติถึง 60-85 % เลยทีเดียว นอกจากนั้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังมีประโยชน์อีกมากมาย อาทิ เช่น สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัวเอง และปรับรูปร่างให้มีความสมส่วนและสมดุลมากยิ่งขึ้นจากการเผาผลาญไขมันในร่างกาย หรือแม้แต่ช่วยให้ระบบการหายใจและปอดของคุณมีการทำงานที่แข็งแรงมากขึ้น เซลล์เม็ดเลือดแดงก็จะมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ Oxygen ได้สูบฉีดไปทั่วถึงทั้งร่างกายของผู้ที่ออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ลง และยังช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยที่คุณมีอยู่ให้บรรเทาลง นอกจากนั้นยังช่วยให้เมตาบอลิซึมทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้กล้ามเนื้อของคุณได้รับการฟื้นฟูอีกด้วย อีกทั้งหากจะกล่าวถึงทางด้านจิตใจ และอารมณ์ คงจะปฏิเสธไม่ได้ ว่าผู้ที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างเป็นประจำ จะมีสุขภาพจิตที่ดี แจ่มใสเบิกบาน เพราะจะไปกระตุ้นสารเคมีในสมองของคุณให้รู้สึกเฟรช ผ่อนคลาย และยังสามารถช่วยคลายความเครียดต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวันลงไปได้อย่างน่าประหลาด รวมถึงยังช่วยคุณเป็นคนที่คิดบวก รักตัวเอง สุขุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการพบว่าการออกกำลังกายเป็นประจำนั้นจะช่วยให้คุณหลับสบายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย แต่ข้อควรระวังในการออกกำลังกายคือ ไม่ควรออกกระชั้นชิดกับช่วงที่ใกล้กับเวลาที่คุณจะนอนมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ เนื่องจากร่างกายคุณมีการตื่นตัวจนเกินไปนั่นเอง

                ดังนั้นจึงอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า การออกกำลังกายคือสิ่งที่ดี และจำเป็นสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และยังมีประโยชน์อีกมากมายทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ หากคุณเข้าใจถึงการเล่นอย่างถูกวิธี และเหมาะสมกับตัวเอง เพราะการออกกำลังแบบคาร์ดิโอที่ดี คือ การเล่นที่พอเหมาะ พอดี กับความต้องการที่ร่างกายจะรับไหว ซึ่งการโหมเล่นอย่างหนักหน่วงนั้นไม่ก่อให้เกิดผลดีใด ๆ แต่กลับทำให้คุณบาดเจ็บ และเกิดผลเสียในระยะยาวกับคุณได้

ฟิตเนสกับ 5 ความเชื่อที่คุณได้ยินมา อาจไม่ใช่ความจริง

ปัจจุบันต้องบอกว่า เทรนด์รักสุขภาพนั้นมาแรงมากจริง ๆ ยิ่งในปัจจุบันนี้ ผู้คนทั้งชายและหญิงต่างก็เริ่มหันมาให้ความสนใจดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายกันมากยิ่งขึ้น เพราะทุกคนต่างก็อยากมีสุขภาพที่ดีและมีรูปร่างที่ฟิตเฟิร์มกันทั้งนั้น ฟิตเนสจึงเป็นหนึ่งในสถานที่หลักที่ผู้คนมากมายใช้เวลาไปกับสถานที่แห่งนี้ โดยเฉลี่ยครั้งละ 1 – 2 ชั่วโมง

ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังมีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับฟิตเนสอยู่ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นความเชื่อหลัก ๆ 5 ประการ นั่นคือ               

1. กล้ามเนื้อจะแปรสภาพเป็นไขมัน เมื่อคุณหยุดออกกำลังกาย

                จริงอยู่ที่เมื่อคุณเบิร์นไขมันอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้หมายถึงว่า เมื่อคุณหยุดกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนเป็นไขมัน เพราะมันคือคนละส่วนกันอย่างชัดเจน และความจริงที่ยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อคุณกินเท่าเดิม แต่ไม่ออกกำลังกาย ไขมันที่คุณมีจะค่อย ๆ มากขึ้น และกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ ลดลงต่างหาก

2. เบิร์นเสร็จแล้ว กินอะไรต่อ มากแค่ไหนก็ได้ 

                บางคนอยากกินนั่น อยากกินนี่ แต่กลัวอ้วน จึงคิดว่ารีบ ๆ ออกกำลังกายให้เสร็จ แล้วหลังจากนั้นจะกินอะไรก็ได้ นับว่าเป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ออกกำลังแล้วคุณจะกินอะไรไม่ได้ คำตอบคือ คุณสามารถกินได้ แต่จะต้องเลือกกิน และต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม

3. ที่ทำมาทั้งหมดเสียเวลาเปล่า ถ้าไม่คิดจะออกกำลังกายเป็นประจำ

                แม้ว่าการออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันคุณ ทำให้คุณมีรูปร่างที่ดีขึ้น แต่การออกกำลังกายไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง คุณอย่าได้คิดว่าออกกำลังแล้ว ปัญหาสุขภาพที่คุณมีมาจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะจริง ๆ แล้ว โรคต่าง ๆ จะรักษาได้ จริงอยู่ว่ามีการออกกำลังเป็นส่วนประกอบ แต่ต้องควบคู่กับการดูแลตัวเอง การทานยา การปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์ และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึง บางคนที่เน้นออกกำลังกายบ่อย ๆ และช่วงระยะเวลาหนึ่งที่อาจจะมีเหตุให้หยุดไป ที่ผ่านมาทั้งหมดคือต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่แน่ ๆ เสียเวลาเปล่า แต่แท้จริงแล้ว การออกกำลังกายเป็นประจำ แม้จะในช่วงระยะเวลาหนึ่ง กลับช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีเลยทีเดียว และหากคุณอยากจะกลับมาทำต่อ แม้จะหยุดไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง แม้จะไม่ได้เผาผลาญมากเท่าเดิม แต่ที่เคยทำมาก็ไม่สูญเปล่า และคุณยังสามารถทำต่อได้ และค่อย ๆ กลับมาเห็นผลได้ดังเดิมอย่างแน่นอน

4. ยกเวท ยกน้ำหนัก ส่งผลให้คุณล่ำขึ้น

                ผู้หญิงจำนวนมากพยายามเลี่ยงเวท เพราะเข้าใจว่า จะหุ่นล่ำ หุ่นใหญ่ เหมือนพวกนักเพาะกล้าม แต่จริง ๆ แล้วการยกเวท เป็นการช่วยให้มวลกล้ามเนื้อของคุณได้ทำงาน ส่งผลให้มีการเผาผลาญที่ดีขึ้น และการยกน้ำหนัก บอกเลยว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในการลดไขมันร่างกาย แล้วไปเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงแทนต่างหาก

5. ออกกำลังกาย ยิ่งมาก ก็ยิ่งดี

                บางคนได้ยินมาว่า ยิ่งคุณออกกำลังกายมาก ๆ ระยะเวลานาน ๆ ในแต่ละครั้งนั้นดี ผอมเร็ว รูปร่างได้สัดส่วนเร็ว จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยระยะเวลาที่พอดีต่อร่างกายต่างหากที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่การหักโหมออกกำลังกาย ล้วนแต่จะนำมาซึ่งอาการเจ็บป่วย และโรคซึมเศร้า เพราะไม่มีความสมดุลนั่นเอง

                การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อคนทุกเพศ ทุกวัย แต่การเข้าใจถึงข้อเท็จจริงในการออกกำลังกาย ไม่อินไปกับความเชื่อผิด ๆ จะช่วยส่งเสริมให้คุณเข้าใจผลที่ได้จากการออกกำลังกายมากขึ้น และนำไปปรับใช้ได้อย่างถูกวิธี

เมื่อรักที่จะเข้าฟิตเนส รองเท้าสำหรับการออกกำลังกายก็สำคัญไม่น้อย

คุณรู้หรือไม่? ว่าการจะมองหารองเท้าผ้าใบดี ๆ สักคู่นั้น ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง? แท้จริงแล้วการซื้อรองเท้ากีฬาไว้สวมใส่สักคู่นั้น ไม่มีกฎตายตัวอะไรมากมายนักหรอก ซึ่งนอกเหนือจากความชอบของคุณที่มีต่อรองเท้าคู่โปรดในใจ สิ่งที่คุณต้องใส่ใจอย่างมาก คือการทดลองสวมรองเท้าทั้ง 2 ข้าง แล้วลองเดินไปเดินมา บางคนอาจสงสัยว่าเพราะอะไรกันล่ะ เพียงแค่เราชอบก็ซื้อแค่นั้นก็จบแล้ว แต่คุณรู้ไหม ว่า รองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับคุณควรเป็นอย่างไร รองเท้าที่ดีสุด อาจจะไม่ใช่รองเท้าที่มีดีไซน์สวยและถูกใจมากที่สุด หรือราคาถูกที่สุด แต่จะต้องเป็นรองเท้าที่เมื่อใดก็ตามที่คุณสวมแล้วมันเข้ากับรูปเท้าของคุณ รู้สึกว่าใส่สบายเมื่อสวมใส่ ไม่คับหรือหลวมเกินไป นอกจากนั้น เวลาใส่แล้วยังเหลือพื้นที่บริเวณปลายนิ้วเท้า หรือแม้แต่บริเวณส้นเท้าก็ตรงกระชับพอดี ไม่หลวมหรือหลุดขณะเดินหรือวิ่ง และที่สำคัญเลย คือ คุณจะต้องเลือกซื้อรองเท้าให้เหมาะกับกิจกรรมที่คุณจะทำในวันนั้น ๆ และหากจะถามว่าเราสามารถใช้รองเท้าผ้าใบที่มีอยู่คู่เดียวนั้นสำหรับทุก ๆ กิจกรรมเลยจะได้ไหมนะ? คำตอบคือ ได้ แน่นอน! แต่การเคลื่อนไหว และ ความรู้สึกสบายเมื่อใช้งานมันก็ส่งผลในระยะยาวเช่นกัน

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อให้เห็นภาพ เราจะยกตัวอย่างให้คุณลองจินตนาการดูแล้วกัน เช่น วันนี้คุณจะไปทำกิจกรรมทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องใช้รองเท้าที่มีการ support อะไรมากมาย ขอใส่สบายเป็นพอ คุณก็อาจจะเลือกรองเท้าแบบนึง แต่หากวันไหนคุณต้องใช้งานเท้าคุณอย่างหนัก การเลือกรองเท้าที่มีการ support ในจุดต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่คุณทำ ก็จะช่วยในเรื่องความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมเหล่านั้นได้มากเลยทีเดียว วันนี้จึงอยากจะมายกตัวอย่างรองเท้าแต่ละประเภทที่เข้ากับการใช้งานอย่างถูกต้องและเหมาะสม

1. Motion Control

รองเท้าแบบนี้จะมีการเพิ่มพื้นส้นเท้าให้หนา แถมยังช่วย support เพื่อป้องกันในช่วงที่คุณทำกิจกรรมจะได้ไม่มีการหมุนของข้อเท้ามากเกินจำเป็น ซึ่งรองเท้าชนิดนี้จะเหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มจะออกกําลังกายแบบวิ่ง และมีฝ่าเท้าแบน

2.Stability

รองเท้าแบบนี้เป็นรองเท้าวิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งจะมีโครงสร้างที่ช่วยให้การหมุนเข้าของข้อเท้าอยู่ในลักษณะท่าทางที่เหมาะสม และค่อนข้างยืดหยุ่น จึงเหมาะกับใช้ทำกิจกรรมในฟิตเนสที่ไม่ได้ใช้แรงตรงส่วนเท้ามากจนเกินไป

3.Minimal

รองเท้าลักษณะนี้ จะไม่มีการ support บริเวณช่วงโค้งของรองเท้า  อีกทั้งพื้นรองเท้าจะมีลักษณะบางและเรียบ ทําให้มีความเท่ากันระหว่างความสูงจากพื้นของปลายเท้าและส้นเท้า เวลาสวมใส่คุณอาจรู้สึกราวกับว่าไม่ได้สวมใส่เลยทีเดียว เพราะจะช่วยให้เท้าของคุณนั้น ขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นรองเท้าที่เหมาะกับผู้ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นวิ่งเท้าเปล่า

                นอกจากคุณจะรู้วิธีในการเลือกรองเท้าให้เหมาะกับคุณแล้วนะ การดูแลรักษาสุขภาพเท้า ก็เป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญเช่นกัน อย่าปล่อยปละละเลยมันเชียวล่ะ! เพราะหากคุณไม่ดูแลสุขภาพเท้าของคุณแล้ว ต่อให้คุณเลือกซื้อรองเท้าให้ตรงกับกิจกรรม หรือดี และแพง มากแค่ไหนก็ตาม ก็คงไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดกับเท้าของคุณในระยะยาวได้ ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณดูแลเท้าของคุณให้แข็งแรงอยู่เสมอก็คือ การออกกำลังกายเท้าและข้อเท้า นั่นเอง เนื่องจากเท้าของคุณนั้น ก็มีกล้ามเนื้อที่ไม่ได้แตกต่างไปจากแขนหรือขาของคุณเลย และถ้ายิ่งไปกว่านั้น หากคุณมีการบริหารบริเวณเท้าของคุณอย่างสม่ำเสมอละก็ สิ่งเหล่านี้ก็ยิ่งจะไปกระตุ้นให้เลือดมีการไหลเวียนลงสู่ปลายเท้า และยิ่งทำให้เท้าของคุณแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แถมยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาในระยะยาวอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว จะรอช้าทำไมล่ะคะ ลองปฏิบัติตามตั้งแต่วันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในทุก ๆ วัน คงจะดีไม่น้อยเลย จริงไหม?

5 เวย์โปรตีน ยอดฮิต ปลอดภัย เหมาะสำหรับคนชอบเข้าฟิตเนส

คนจำนวนไม่น้อยที่มีไลฟ์สไตล์ที่เน้นเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญแคลอรี่ เฟิร์มรูปร่างให้มีรูปร่างที่ดี สมส่วน แต่ในบรรดาวิธีการออกกำลังกายในฟิตเนสแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับผู้ที่คำนึงเป็นหลักในเรื่องของโภชนาการทางอาหาร และเน้นสำหรับคนที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เวย์โปรตีนถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดี ที่ช่วยสร้างกรดอะมิโนและสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งการเลือกเวย์โปรตีนที่เหมาะสมกับตัวคุณนั้น ต้องดูว่าปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมจะต้องไม่ควรต่ำกว่า 25 กรัม/หน่วย และยังต้องมี ​BCCA ที่มีกรดอะมิโนตัวหลักทั้งหมดสามตัว เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อ วันนี้จึงมีเวย์โปรตีน 5 ยี่ห้อ ที่เหมาะสมกับคนที่ชอบเข้าฟิตเนส มาแนะนำ

1. Muscle Pharm Combat (100% Isolate)

                ตัวนี้มีจุดเด่นอยู่ที่มีโปรตีน isolate 100% และมีคาร์โบไฮเดรต 0% ซึ่งก็เท่ากับว่ามีปริมาณโปรตีนสูงถึง 24 กรัม ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง แม้ตัวนี้จะมีราคาที่สูงหน่อย (ประมาณ 3100 บาท) แต่หากเปรียบเทียบกับคุณภาพแล้ว อาจกล่าวได้ว่าคุณภาพเกินราคาอย่างแน่นอน

2. Mutant Whey

                5-Stage Anabolic เป็นจุดขายหลักของยี่ห้อนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว และมาในรูปแบบใหม่ของ Nitroserum™ ที่มีโปรตีนที่มีความเข้มข้นสูง รวมถึงความบริสุทธ์ที่ใส่มาอย่างครบถ้วน และยังรักษาคุณค่าไว้ได้อย่างดีเลยทีเดียว นอกจากนั้นเวย์โปรตีนตัวนี้ยังดูดซึมได้ง่าย ราคาก็เอื้อมถึง จึงไม่แปลกที่ยี่ห้อนี้จะเป็นหนึ่งในเวย์โปรตีนยอดฮิตของใครต่อใคร

3. Optimum Hydro Whey 3.5 lbs

                เวย์โปรตีนตัวนี้มีมาตรฐานทางด้านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพจากเทคโนโลยีตัวล่าสุดจากประเทศอเมริกา และมี BCAA สูง ช่วยย่อยและดูดซึมอย่างรวดเร็ว และยังมีไขมันและน้ำตาลต่ำ แต่มี Peptide คุณภาพสูง จึงช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี

4. Whey Protein Isolate (WPI)

                เวย์โปรตีนตัวนี้จะมีราคาแพงกว่าเวย์โปรตีนแบบ WPC  ด้วยการสกัดคาร์โบไฮเดรตและไขมันออกไป อีกทั้งยังมีปริมาณโปรตีนสูงถึง 90% และไขมันต่ำ เหมาะกับคนที่แพ้นมวัวและท้องเสียบ่อย ๆ


5. Amino 3333

                เวย์โปรตีนตัวนี้มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งหมด 9 ชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มระดับการไหลเวียนของฮอร์โมนอีกด้วย จึงส่งผลให้กล้ามเนื้อของคุณแข็งแรงและไวต่อการฟื้นตัว

                ดังนั้นจึงหวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้กับคนที่ชอบเข้าฟิตเนส และในขณะเดียวกันก็เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของตัวเอง ซึ่งในการเลือกซื้อเวย์ที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง สิ่งที่คุณจะต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมากในการเลือกซื้อเวย์โปรตีนสักตัว คงจะหนีไม่พ้นการพิจารณาถึงความต้องการที่แท้จริงว่าคุณจะซื้อเวย์โปรตีนตัวนั้นไปเพื่อจุดประสงค์ใด บางคนเน้นสร้างกล้ามเนื้อ ในขณะที่คนอีกกลุ่มอาจคัดเลือกเวย์โปรตีนที่เหมาะสมสำหรับเวทเทรนนิ่ง หรือเพื่อควบคุมน้ำหนัก รวมถึงการคำนึงถึงความปลอดภัย และราคาที่เหมาะสมและคุณสามารถซื้อได้แบบไม่กระเทือนกับงบประมาณที่คุณมี