5 กีฬาที่สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องง้อใคร

เทรนด์การออกกำลังกายกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักสุขภาพ หลายคนมองหากีฬาที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ แต่กีฬาส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีผู้อื่นเล่นด้วย แม้ตัวเรามีความพร้อมในการออกกำลังอย่างมาก หากเพื่อนหรือคนรู้จักว่างไม่ตรงกันก็ไม่สามารถสนุกกับกีฬาเหล่านั้นได้ วันนี้จึงขอพาไปทำความรู้จักกับ 5 ชนิดกีฬาที่สามารถเล่นด้วยตัวคนเดียวได้

1. วิ่ง

การวิ่งถือเป็นกีฬาที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แถมยังได้ชื่อว่าเป็นกีฬาที่ประหยัดที่สุด เนื่องจากมีรองเท้าที่เหมาะสมเพียงแค่คู่เดียวก็สามารถเล่นกีฬานี้ได้ ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ความเร็วและระยะทางให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง ซึ่งหากมีความชำนาญมากพอก็สามารถเลือกท้าทายตัวเองด้วยการเข้าร่วมงานวิ่งต่าง ๆ ที่จัดขึ้นทั่วประเทศได้ โดยอาจเริ่มจาก Fun Run ระยะทาง 5 กิโลเมตร จากนั้นค่อยขยับไปเป็นมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร ไปจนถึงมาราธอนเต็มรูปแบบที่ 42.195 กิโลเมตรในที่สุด

2. ว่ายน้ำ

ว่ายน้ำนับเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬายอดฮิต เพราะนอกจากจะได้ใช้ร่างกายทุกส่วนในการออกกำลังกายแล้ว ยังถือเป็นการคลายร้อนไปในตัวด้วย ซึ่งการว่ายน้ำช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นจำนวนมาก ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ท่าว่ายน้ำตามที่ตัวเองถนัดได้ ไม่ว่าจะเป็นท่าฟรีสไตล์, ท่ากรรเชียง, ท่ากบ และท่าผีเสื้อ นอกจากนั้นการออกกำลังกายในน้ำยังไม่ทำให้ข้อต่อทุกส่วนในร่างกายไม่ได้รับแรงกระแทกอีกด้วย

3. ปั่นจักรยาน

กีฬาปั่นจักรยานเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยมาตั้งแต่วัยเด็กเพื่อออกไปเรียนรู้โลกกว้าง ปัจจุบันมีจักรยานหลายประเภทให้ผู้เล่นเลือกใช้ได้ตามความชอบและกำลังทรัพย์ ตั้งแต่ Utility Bike หรือจักรยานแม่บ้านที่มีตะกร้าหน้ารถ, BMX จักรยานที่เหมาะกับทุกสภาพถนนที่เราคุ้นเคย, Mountain Bike จักรยานที่ออกแบบมาเพื่อใช้วิ่งบนทางวิบากหรือขึ้นเขา ไปจนถึง Fix Gear จักรยานที่ไม่มีเกียร์ทรงคลาสสิค โดยเราสามารถใช้การปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการเดินทางในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

4. สควอช

สควอช เป็นกีฬาที่คล้ายกับเทนนิสแต่ไม่จำเป็นต้องมีผู้อื่นเล่นด้วย โดยเป็นการตีลูกอัดกำแพงและอาศัยแรงสะท้อนจากผนังกลับมา การเล่นสควอชจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์คือไม้แร็กเกตและลูกสควอช ซึ่งลูกสควอชนั้นจะแบ่งเป็น 4 สี คือ ลูกจุดสีฟ้า จะกระดอนเร็วและไกลเหมาะกับผู้เล่นมือใหม่ ส่วนลูกจุดสีแดง จะมีความเร็วและกระดอนน้อยกว่า สำหรับคนที่ชำนาญแล้วและเหมาะสำหรับการออกกำลังกาย ส่วนลูกจุดสีขาวและสีเหลือง จะกระดอนช้านิยมใช้สำหรับการแข่งขัน

5. กระโดดเชือก

                กระโดดเชือก อีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ง่ายและประหยัด แค่เชือกสำหรับกระโดดเส้นเดียวก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว แถมยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากถึง 800-1,000 แคลอรี่ต่อชั่วโมง แม้จะดูว่าเป็นการออกกำลังกายของเด็ก แต่ปัจจุบันก็ได้มีการจัดแข่งขันกระโดดเชือกชิงแชมป์โลกเป็นประจำอีกด้วย

แม้จะเล่นเพียงคนเดียว แต่ทั้ง 5 ชนิดกีฬาก็ช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ถูกใช้งาน เสริมสร้างการทำงานของหัวใจและปอดให้แข็งแรง ผ่อนคลายความเครียด และยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดีไม่ต่างจากการเล่นกีฬาเป็นหมู่คณะ เรียกได้ว่าเล่นคนเดียว เหนื่อยคนเดียว ก็ได้ประโยชน์คนเดียวเต็ม ๆ

วิ่งอย่างไรให้ถูกวิธี หากวิ่งผิดวิธีจะเกิดผลเสียอย่างไร

การออกกำลังกายโดยการวิ่งเป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักกีฬาทุกประเภท หรือแม้แต่คนที่อยากจะออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็ตาม แต่หลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจการออกกำลังกายโดยการวิ่ง และไม่ทราบวิธีการวิ่งที่ถูกต้อง การวิ่งที่ผิดวิธีจะส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ฉะนั้นการวิ่งอย่างถูกต้องและการใช้วิธีการวิ่งที่ช่วยลดการเกิดอาการบาดเจ็บจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรทราบก่อนที่จะเริ่มวิ่ง

สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเริ่มออกกำลังกายโดยการวิ่งเลยก็คือ การยืดกล้ามเนื้อ ซึ่งการยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย 10- 15 นาทีนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และป้องกันอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นจากส่วนข้อต่อต่าง ๆ ตามร่างกาย เคยสังเกตหรือไม่เมื่อเราไม่ได้ยืดกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมก่อนการวิ่งแล้วนั้น จะทำให้กล้ามเนื้อของเราเกิดอาการตึง เกร็ง หลังจากการวิ่ง หรือเกิดขณะยังวิ่งอยู่ อาการตึง เกร็ง ดังกล่าวจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ในอนาคต ดังนั้นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งเลย ก่อนจะวิ่งทุกครั้งนั่นก็คือ การให้ร่างกายได้ยืดก่อนออกกำลังกาย

เมื่อเรายืดกล้ามเนื้อเสร็จแล้วส่วนต่อไปที่ควรจะทำก็คือ “warm up” หรือการอบอุ่นร่างกายเพื่อทำให้ร่างกายมีความร้อน และเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อก่อนเริ่มออกกำลังกาย โดยการเคลื่อนไหวช้า ๆ อาจจะทำโดนการเดิน หรือเดินเร็ว ก่อนการวิ่งอย่างจริงจัง การวอร์มอัพทุกครั้งก่อนการออกกำลังกาย หรือการวิ่งด้วยความเร็วทุกครั้งจะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการวิ่งได้

การวิ่งที่ถูกต้อง ที่จะช่วยลดอาการบาดเจ็บนั้น จะต้องลงข้อเท้าให้พอดีกับพื้นไม่ลงน้ำหนักแรงเกินไป หรือลงน้ำหนักไปที่ส่วนของส้นเท้ามากเกินไป หากลงน้ำหนักไปที่ส้นเท้ามากเกินไปจะทำให้เอ็นข้อเท้าบาดเจ็บหรือฉีกขาดได้ รวมไปถึงจะส่งผลให้มีอาการบาดเจ็บที่หน้าแข้งอีกด้วย

ไม่วิ่งตัวตรงเกินไป หรือแอ่นหน้าอกมากเกินไป การวิ่งแบบนี้จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ และเกิดอาการปวดบริเวณหลังได้ ดังนั้น การทรงตัวที่ถูกต้องขณะวิ่งควรจะพอดี อาจจะโน้มตัวไปข้ามหน้าประมาณ 10 องศาจะช่วยลดอาการบาดเจ็บระหว่างการวิ่ง และหลังจากการวิ่งได้

หลังจากเราได้ออกกำลังกายโดยการวิ่งเสร็จแล้วนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ การวิ่งที่ถูกวิธี การวอร์มอัพ และการยืดกล้ามเนื้อก่อนการวิ่งนั้นก็คือ “การคูลดาวน์” คือการเคลื่อนไหวเบา ๆ ก่อนที่จะหยุดออกกำลังกาย อาจจะทำโดยการ เดินอย่างช้า ๆ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ผลให้เมื่อเราหยุดออกกำลังกายจะลดอาการปวดเมื้อยตามกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้อจะสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

การออกกำลังกายที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ และเชื่อว่าหากเพื่อน ๆ คนไหนได้ลองปฏิบัติตาม ข้อควรปฏิบัติก่อนการวิ่ง และวิธีวิ่งที่ถูกต้องแล้ว จะช่วยลดอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างแน่นอน

หากคุณกำลังเครียด ลองผ่อนคลายด้วยการเล่นโยคะดูมั้ย

การออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะนั้น เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสาว ๆ ที่หลงไหลในการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ มักหาเวลาว่างในการเล่นโยคะอยู่เสมอ แล้วการเล่นโยคะที่สาว ๆ ชอบกันนั้น ให้ประโยชน์อะไรกับร่างกายของเราบ้างล่ะ?

การเล่นโยคะเป็นการออกกำลังกายที่เสริมสร้างความยืดหยุ่นของร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น และอ่อนตัวมากขึ้น ส่งผลให้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น การเล่นโยคะเป็นประจำยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออีกด้วย ซึ่งการเล่นโยคะจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพความอึดทนของร่างกายได้เป็นอย่างดี  

นอกจากความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และความแข็งแรงแล้ว การเล่นโยคะอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น มีบุคลิกที่ดีมากยิ่งขึ้น หลายคนต้องนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานาน ๆ การนั่งทำงานนาน ๆ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้า และทำให้นั่งหลังค่อมอยู่เป็นประจำโดยไม่รู้ตัว การเล่นโยคะจะช่วยแก้อาการเหล่านี้ ทั้งยังลดอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อกล้ามเนื้อแกนกลางของเราแข็งแรงจะทำให้เรานั่งทำงานอย่างสมดุล เกิดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะนั่ง ยืน หรือเดิน ทั้งยังส่งผลดีต่อกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้ออีกต่างหาก

อีกหนึ่งประโยชน์ที่สำคัญ ที่ได้รับจากการเล่นโยคะเลย และเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เลือกเล่นโยคะเพราะ อยากให้การออกกำลังกายที่เราเลือกเล่นนั้น ช่วยลดความตึงเครียด ผ่อนคลายความกังวล จากความเครียดที่เกิดจากการทำงานของเราได้ เมื่อคุณเล่นโยะคะคุณจะต้องฝึกในส่วนของการหายใจ และต้องกำหนดลมหายใจระหว่างการเล่น การเล่นโยคะบางท่าจะต้องใช้สมาธิและโฟกัสไปที่ลมหายใจ ส่งผลให้ผู้เล่นมีการหายใจที่ดีขึ้น จิตใจสงบ เนื่องจากขณะที่ฝึก หรือเล่นโยคะนั้น จะต้องใช้สมาธิโฟกัสไปกับท่าทางต่าง ๆ และการกำหนดลมหายใจ ฉะนั้นเมื่อเล่นโยคะเป็นเวลานาน ๆ ก็จะช่วยลดความตึงเครียด ทำให้จิตใจผ่อนคลาย ไม่โฟกัสไปที่ปัญหา หรือการทำงานต่าง ๆ มากจนเกินไป ทั้งเมื่อเราใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้แล้ว ผลจากการมีสมาธิ สติ ที่จดจ่อกับสิ่งนั้น ๆ ก็จะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีสมาธิ และสติอยู่ตลอดเวลา เมื่อเจอปัญหาใด ๆ ก็สามารถหยุดคิดไตร่ตรองและแก้ปัญหากับสิ่งนั้นได้

การเล่นโยคะเป็นการออกกำลังกายที่ ได้ประโยชน์ต่อผู้ฝึก หรือผู้เล่นทั้งจากภายในและภายนอกไปพร้อม ๆ กัน นอกจากมันจะช่วยสร้างความแข็งแรงต่อร่างกายแล้ว ยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับจิตใจของผู้เล่นได้อีกด้วย หากใครที่อยากออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และฝึกสมาธิ ผ่อนเบาความตึงเครียดไปในขณะเดียวกัน การเล่นโยคะก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่สนใจในการออกกำลังกายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

สนุกเกอร์สุดยอดกีฬาที่ช่วยฝึกสมาธิ

หากพูดถึงกีฬาในร่ม ที่ช่วยพัฒนาทักษะ ฝึกสมาธิ และวิธีคิดแล้วนั้น สนุกเกอร์เป็นหนึ่งในกีฬาที่น่าสนใจประเภทหนึ่งเลยทีเดียว แล้วการแทงลูกกลม ๆ บนโต๊ะผ้าสักหลาด สามารถฝึกสมาธิได้อย่างไร สนุกเกอร์เป็นกีฬาที่ไม่ได้ใช้แรงมาก ถ้าเปรียบเทียบกับกีฬาประเภทอื่น ๆ เพียงใช้ไม้คิวในการเล่น แทงลูกสีขาวให้ไปกระทบลูกสีแดง และลูกสีอื่น ๆ (สีเหลือง, สีเขียว, สีน้ำตาล, สีน้ำเงิน, สีชมพู, และสีดำ) ให้ลงหลุม โดยลูกแต่ละสีจะมีคะแนนที่แตกต่างกัน จบเกมใครสามารถทำแต้มได้เยอะกว่า ก็จะเป็นผู้ชนะไป

วิธีการเล่นเบื้องต้น คือ ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะใช้ลูกสีขาวลูกเดียวกันในการแทงลูกเป้าหรือลูกสีต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ใช้ไม้คิวหรือไม้สนุกแทงลูกสีขาวให้ไปกระทบกับลูกสีแดงให้ลงหลุม และเมื่อผู้เล่นสามารถตบลูกสีแดง (แทงลูกลงหลุม) ได้ก็จะมีสิทธิ์ที่จะเลือกเล่นลูกสีอื่น ๆ ที่มีคะแนนแตกต่างกันไปได้ โดยผู้เล่นอาจจะเล่นลูกที่มีคะแนนสูงที่สุดก็ได้ หรือจะเล่นลูกที่ง่ายต่อการทำให้ลูกลงหลุมก็ได้ แต่หากผู้เล่นแทงลูกสีขาวไม่โดนลูกสีอื่น ๆ หรือทำลูกสีขาวลงหลุมเสียเอง ก็จะถูกหักคะแนนเช่นเดียวกัน ฉะนั้นการเล่นจึงต้องใช้ทักษะเป็นอย่างมาก

การเล่นกีฬาสนุกเกอร์นั้นต้องใช้สมาธิค่อนข้างสูงจากสายตาคำนวณ และการกะระยะเพื่อที่จะใช้ไม้คิวแทงลูกสีขาวไปโดนลูกสีอื่น ๆ ให้ลงหลุมให้ได้ หากผู้เล่นเสียสมาธิแม้แต่นิดเดียวก็อาจจะแทงพลาด หรือไม่สามารถตบลูกให้ลงหลุมได้ ทำให้เสียการทำคะแนนไป การเล่นสนุกเกอร์เป็นเวลานาน ๆ ยังช่วยให้ผู้เล่นพัฒนาทักษะในการตัดสินใจได้อีกด้วยเพราะการเล่นสนุกเกอร์ไม่ได้มีเทคนิคแค่การสัมผัสลูกให้ลงหลุมเพียงเท่านั้น หากแต่ยังต้องใช้ความคิดในการตัดสินใจที่จะเลือกแทงลูกให้ลงหลุม หรือการแทงกันคือ การทำให้ลูกสีขาวไปอยู่ในจุดที่ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามไม่สามารถแทงลูกสีอื่น ๆ ให้ลงหลุมได้ จึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถทำคะแนนได้นั้นเอง หรือเลือกที่จะเล่นแบบวางสนุก การวางสนุกคือการทำให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเล่นลูกที่ผู้เล่นจะต้องเล่นได้ หากไม่สามารถยิงลูกสนุกไปให้โดนได้ก็จะถูกหักคะแนนไป

ดังนั้นเทคนิคการเล่นแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ผู้เล่นจะต้องคิดวางแผนในการเล่นอยู่ตลอดเวลา ควบคู่ไปกับการใช้สมาธิระหว่างเกม จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมการเล่นสนุกเกอร์ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้แรงของร่างกายมากนักถึงสามารถฝึกสมาธิ และเสริมสร้างทักษะให้แก่ผู้เล่นได้ สำหรับใครที่อยากเล่นกีฬาที่เสริมสร้างทักษะให้ตัวเอง และไม่อยากเหนื่อยกายมาก ลองมาฝึกเล่นกีฬาสนุกเกอร์ดูครับ เชื่อว่ามันสามารถให้ประโยชน์กับผู้เล่นได้ ไม่มากก็น้อย

การฝึกเล่นปิงปองง่าย ๆ ทำได้ที่บ้าน

การทำอะไรครั้งแรกยากเสมอ คุณคงจะเคยได้ยินกับคำ ๆ นี้ ทุกสิ่งที่อย่างก่อนจะเริ่มทำมักจะยากเสมอ อย่างการเล่นกีฬาปิงปอง หรือเทเบิลเทนนิสเองก็เช่นกัน เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน ที่เคยฝึกเล่นกีฬาปิงปองคงเคยชินกับการตีลูกไม่โดน หรืออะไรก็ตามแต่ จนเป็นผลให้ล้มเลิกไป วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ สำหรับคนเพิ่งหักเล่นปิงปองมานำเสนอ

กีฬาปิงปองเป็นกีฬาที่ค่อนข้างใช้ทักษะและไหวพริบมาก คุณจะต้องมีสายตาที่เฉียบแหลมที่จะตีลูกปิงปองออกไปให้ได้ ฉะนั้นการที่หลายท่านตีลูกปิงปองไม่โดนสาเหตุหนึ่งมาจากเรื่องของสายตา การเริ่มเล่นกีฬาปิงปองหรือที่เรียกว่าเทเบิลเทนนิส ควรจะลองเริ่มต้นจากการ ฝึกเดาะลูกปิงปองก่อน ใช้สมาธิและสายตาจดจ่ออยู่กับลูกปิงปองที่เดาะอยู่ อาจจะเริ่มเดาะลูกปิงปองจากด้านโฟร์แฮนด์ก่อน คือการจับไม้แบบหงายมือ เดาะลูกปิงปองให้อยู่บริเวณกลางไม้ตลอด ผู้ฝึกอาจจะใช้การประเมินผลการฝึกของตัวเองโดยการนับจำนวนครั้งของการเดาะ และเมื่อทำลูกตกจึงเริ่มนับใหม่ หลังจากฝึกการเดาะแบบโฟร์แฮนด์แล้วจึงเปลี่ยนมาฝึกเดาะลูกปิงปองแบบ แบ๊คแฮนด์กันบ้าง

การเดาะลูกปิงปองแบบแบ๊คแฮนด์คือ การเดาะลูกหรือเลี้ยงลูกปิงปองจากการจับไม้แบบคว่ำมือเพื่อเลี้ยงลูกปิงปอง การเดาะลูกแบบแบ๊คแฮนด์ทำเหมือนกันกับโฟร์แฮนด์ โดยเดาะลูกปิงปองให้ลอยขึ้นมาในระดับสายตาอย่างต่อเนื่องไม่ให้ลูกตกจากหน้าไม้ โดยยังคงใช้สายตาจดจ่ออยู่ที่ลูกปิงปองอยู่ตลอด

เมื่อฝึกการเดาะลูกปิงปอง หรือการเลี้ยงลูกปิงปองได้ทั้งในส่วนของ โฟร์แฮนด์ และแบ๊คแฮนด์แล้ว ต่อไปอาจจะฝึกการเดาะลูกปิงปองในส่วนของการสลับไม้ไปมา ระหว่างการเดาะแบบโฟร์แฮนด์และแบ๊คแฮนด์ การฝึกเดาะแบบนี้จะเริ่มยากขึ้นกว่าระดับที่แล้วคือ การเดาะลูกอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกจะต้องใช้สมาธิ และไหวพริบในการฝึกมากขึ้น โดยการนับจำนวนครั้งในการฝึกเช่นกัน เมื่อลูกตกจากหน้าไม้ให้ทำการนับจำนวนครั้งใหม่

หลังจากที่ฝึกเดาะลูกปองปองทั้งโฟร์แฮนด์ แบ๊คแฮนด์ แล้วสลับระหว่างโฟร์แฮนด์กับแบ๊คแฮนด์ได้แล้ว ครั้งนี้อาจจะลองเดาะลูกปิงปองโดยการเคลื่อนไหวร่างการไปด้วย โดยการเดินนั่นเอง อาจจะเริ่มจากการฝึกแบบโฟร์แฮนด์และเคลื่อนไหวร่างกายไปด้วย ก่อนเปลี่ยนมาเป็นแบ๊คแฮนด์ จนถึงการเคลื่อนไหวไปด้วยพร้อมกับการเดาะแบบสลับไม้ระหว่างโฟร์แฮนด์กับแบ๊คแฮนด์ เมื่อฝึกจนคล่องแล้วอาจจะลองเพิ่มความเร็วในการเดินให้เร็วมากขึ้น แต่นอนว่าผู้ฝึกจะต้องใช้สมาธิ ใช้สายตาในการจ้องมองลูกอย่างต่อเนื่อง การฝึกโดยวิธีนี้ อาจจะต้องหาพื้นที่ฝึกเป็นที่โล่ง อาจจะเป็นในโรงยิม เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าระหว่างการฝึกอยู่เราจะไม่เดินไปชนอะไรเข้า

หากใครที่กำลังอยากลองฝึกเล่นปิงปองแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ฝึกยังไง ลองหัดเดาะลูกปิงปองก่อนโดยประเมินตัวเองเป็นจำนวนครั้ง หรือจำนวนนาทีเอาก่อนก็ได้ และหวังว่าเพื่อน ๆ จะสนุกกับการเล่นปิงปองในอนาคต

วิ่งมากไปก็ไม่ดี ภัยเงียบของคนชอบวิ่งเกินไป

การวิ่งเป็นการออกกลังกายที่สร้างความแข็งแรงของร่างกายได้เป็นอย่างดี และเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมานาน คนส่วนใหญ่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยวิธีนี้ ทั้งในกลุ่มของวัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุเองหลงรักการวิ่ง อาจเพราะเป็นการออกกำลังกายที่สะดวก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมาก แค่มีรองเท้าคู่ใจหนึ่งคู่ก็สามารถออกกำลังกายได้อย่างมีความสุขแล้ว แต่คุณรู้หรือไม่? สำหรับคนที่หลงไหลในการออกกำลังกายมาก ๆ โดยเฉพาะนักวิ่ง มีภัยเงียบที่ซ่อนตัวอยู่ และเชื่อว่าหลาย ๆ คนเจอกับอาการนี้

Shin Splints อาการบาดเจ็บที่ต้องระวัง

ในกลุ่มคนที่รักการวิ่งและชอบออกกำลังกายโดยการออกไปวิ่งมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกไปวิ่งตามสวนสาธารณะ หรือวิ่งบนลู่วิ่งในยิม อย่างน้อย ๆ วันหนึ่งวันต้องวิ่งให้ได้ 30 นาทีขึ้นไป หากทำอย่างนี้ทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน แน่นอนว่าทุกคนออกกำลังกายก็ต้องการสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการวิ่งทุกวันนั้นให้สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความแข็งแรงนั่นคือความอ่อนแอ

หากคุณลองเริ่มสังเกตุตัวเอง ปัญหาที่ตามมาจากการวิ่งมาก ๆ ก็คือมีอาการปวดบริเวณหน้าแข้งของขาทั้งสองข้างเรื้อรัง ไม่ว่าจะหยุดวิ่งนานแค่ไหนอาการปวดนี้ก็ยังคงอยู่ และมันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นถ้าหากคุณยังคงออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ โรคนี้เรียกว่า “Shin splints syndrome” เป็นอาการอักเสบของกล้ามเนื้อเอ็น และเยื่อหุ้มกระดูก จากการถูกกระทบ หรือการออกกำลังกายซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ๆ

นักวิ่ง นักกีฬา หรือแม้แต่ผู้ที่ชอบการออกกำลังกายจะมีอาการอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่จะพบมากในหมู่นักวิ่งเสียมากกว่า สิ่งแรกเลยเมื่อพบอาการปวดหน้าแข้งเรื้อรังทำอย่างไรก็ไม่หายสักที ให้หยุดออกกำลังกายก่อนและไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการว่าคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้หรือไม่

การรักษาอาการปวด

การเยียวยาอาการปวดหน้าแข้งเรื้อรัง ก็จะมีตั้งแต่การทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวด การทำกายภาพบำบัด การฝังเข็มเพื่อให้เลือดเดินได้สะดวก จนถึงการเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายหรือเปลี่ยนประเภทของกีฬา และจากการรักษาอาการดังกล่าวในหลาย ๆ เคส วิธีที่ได้ผลมากที่สุดก็คือ หยุดวิ่ง!!! แล้วเปลี่ยนไปเล่นกีฬาประเภทอื่นที่จะไม่ทำให้ร่างกายในส่วนของบริเวณหน้าแข้งถูกกระทบกระเทือนซ้ำ กีฬาที่แพทย์แนะนำเลยก็คือ การปั่นจักรยานและการว่ายน้ำ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ดี แต่การออกกำลังกายมากไปบางทีมันก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป สิ่งที่สำคัญคือความพอดีของการออกกำลังกายต่างหากที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และจะทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเราทำมันอย่างพอดิบพอดี ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป

บอดี้เวทแบบคนไม่มีเวลาก็เล่นได้

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่อยู่ในแวดวงการออกกำลังกาย คนรักสุขภาพ หรือคนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ คงจะคุ้มหูกันดีกับคำว่า “บอดี้เวท” แล้วบอดี้เวทมันดีอย่างไร เหมาะสำหรับใครบ้าง?

บอดี้เวทคือ การออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการออกกำลังกายที่สะดวก เพียงแค่มีเวลาในการออกกำลังกาย ก็สามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ โดยไม่ต้องพึงพาเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย

การออกกำลังกายโดยบอดี้เวท จะเป็นการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัว หรือน้ำหนักของร่างกายเราในการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายเกิดแรงต้าน จริง ๆ แล้วการออกกำลังกายโดยการบอดี้เวท ก็เหมือนกับการที่เราไปเข้ายิมและยกแผ่นเหล็ก (เวทเทรนด์นิ่ง) นั่นแหละ เพียงแต่การออกกำลังกายโดยบอดี้เวท เราไม่สามารถบวกเพิ่มน้ำหนักในการออกกำลังกาย หรือลดน้ำหนักได้ ฉะนั้นในส่วนนี้ก็อาจจะเป็นปัญหาได้เช่นกัน

การใช้ร่างกายออกกำลังที่รู้จักกันดีเลยก็คือ การวิดพื้น, ซิทอัพ, หรือการสควอท การออกกำลังกายโดยการบอดี้เวท จริง ๆ ผู้ที่รักในการออกกำลังกายสามารถที่จะเล่นบอดี้เวทได้กันทั้งนั้น แต่เนื่องด้วยบอดี้เวท ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการออกกำลังกาย และไม่ต้องไปตามหาสถานที่ในการเล่น ขอแค่มีพื้นที่เล็ก ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว จึงเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามากนัก ไม่อยากเสียเวลาเดินทางในการไปออกกำลังกายที่ยิม อีกทั้งการออกกำลังกายโดยการบอดี้เวทไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย สำหรับท่านที่ไม่อยากเสียสตางค์ของท่านไปสมัครเป็นสมาชิกของคลิบในยิม ก็สามารถที่จะศึกษาวิธีการออกกำลังกายโดยการบอดี้เวท และออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน คอนโด หรือแม้แต่ที่ทำงานได้เลย

ประโยชน์ของการออกกำลังกายโดยการบอดี้เวท การออกกำลังกายแบบนี้ถ้าหากศึกษา และทำเป็นเซ็ทอย่างต่อเนื่องแล้ว จะสามารถเบิร์นไขมันได้เป็นอย่างดี ช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่จริง ๆ การบอดี้เวทก็มีข้อเสียสำหรับบางคนเหมือนกัน อาทิเช่น คนที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ด้วยกายใช้น้ำหนักตัวเอง อาจจะเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปหรือน้อยจนเกินไป จึงไม่สามารถใช้กำลังของตัวเองยกน้ำหนักตัวเองได้ สำหรับคนที่ไม่สามารถออกกำลังกายโดยการบอดี้เวท การไปเข้ายิมออกกำลังกายโดยใช้ตัวช่วยอย่างการเวทเทรนด์นิ่งก็อาจจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่า เพราะสามารถปรับลดน้ำหนัก หรือเพิ่มน้ำหนักเพื่อช่วยในการออกกำลังกายได้

การออกกำลังกายโดยการบอดี้เวทก็สามารถเสริมสร้างร่างกายของเราให้แข็งแรงได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเวลามากเลย ขอแค่คุณรักในการออกกำลังกายไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือมีเวลาน้อยเพียงใดก็สามารถที่จะออกกำลังกายได้

ทำไมเวทเทรนนิ่งถึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

เมื่อก่อนนี้การออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่งถูกมองว่าเป็นกีฬาเฉพาะกลุ่มของผู้เป็นนักกีฬาเท่านั้น จึงทำให้ยังไม่มีกลุ่มคนนิยมออกกำลังกายโดยกายเวทเทรนนิ่งมากนัก แต่ปัจจุบันเทรนด์การออกกำลังกายในยิม การเล่นเวท เพื่อที่จะฟิตหุ้น ฟิตรูปร่างของตัวเองให้ดูดี และเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำไมการออกกำลังกายประเภทนี้ถึงได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง เพศชาย หรือแม้แต่เพศอื่น ๆ ก็ตาม

เวทเทรนนิ่งคือการออกกำลังกายโดยใช้ทั้งบอดี้ของร่างกายเรา หรือใช้อุปกรณ์ถ่วงน้ำหนักต่าง ๆ อย่างเช่น ดัมเบล, บาร์เบล เพื่อให้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดแรงต้าน หรือได้ใช้แรงของกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ ในการทำงานมากขึ้น การเล่นเวทเทรนนิ่งอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

การดูแลสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการดูแลตั้งแต่ภายในแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังให้ความสำคัญถึงบุคลิกภาพภายนอกอีกด้วย แน่นอนว่าการออกกำลังกายโดยการเวทเทรนนิ่งทำให้เกิดมวลกล้ามเนื้อ อย่างคุณผู้ชายเวลาใส่เสื้อผ้าก็จะดูฟิตเฟิร์มมากขึ้น ในส่วนของคุณผู้หญิงเองก็อยากจะมีหุ้นที่ผอมบางสวยงาม หรือเรียกว่าอยากมีบุคลิกที่ดี เสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง เมื่อมีบุคลิกที่ดีมีความมั่นใจ ก็จะส่งผลให้การดำเนินชีวิต การทำงานต่าง ๆ ดีขึ้นตามมาอีกด้วย

สุขภาพร่างกายที่แข็งแกร่งมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนที่ชอบออกกำลังกาย หรือไม่ชอบก็ตามแต่ ทุกคนออกกำลังกายเพื่อที่อยากจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น การออกกำลังกายโดยการเวทเทรนนิ่ง จะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อและทำให้ร่างการแข็งแรงมากขึ้น นอกจากจะทำให้มีบุคลิกที่ดีแล้วยังทำให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีอีกด้วย

การส่งต่อแรงบรรดาลใจ เวทเทรนนิ่งเปลี่ยนหุ่นให้ดีขึ้น การที่เวทเทรนนิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เชื่อว่าเป็นเพราะผู้คนในปัจจุบันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะเห็นได้จากคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วมก็อยากจะมีรูปร่างที่ดี หรือแม้แต่คนที่ผอมเกินไปก็ตามก็อยากจะเปลี่ยนหุ่นของตัวเองที่ผอมแห้งให้มีความสมดุล มีร่างกายที่สมส่วนมากขึ้น และเมื่อมีคนที่ทำได้ สื่อโซเซียลมีเดียในยุคนี้ทำให้การส่งต่อแรงบรรดาลใจทำได้ง่ายมากขึ้น คุณลองคิดดูนะครับว่าถ้าหากมีคนที่น้ำหนักมาก ๆ อ้วนท้วมมาก่อน กลับกลายมาเป็นคนที่มีรูปร่างที่ดี และสุขภาพที่ดี ทำให้คนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองลุกขึ้นมาออกกำลังกายโดยการเวทเทรนนิ่งมากยิ่งขึ้น เพราะรู้สึกว่าคนอื่นทำได้เราก็ทำได้เช่นกัน

ดังนั้นการเล่นเวทเทรนนิ่งจึงได้รับความนิยมมากขึ้น และยังคงจะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่อ้วนท้วม ผอมแห้ง ร่างกายไม่สมส่วน คุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งไม่ได้ดีเสมอไป

การออกกำลังกายที่ดีนั้น นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายที่ถูกต้องตามวิธีการของกีฬาประเภทนั้น ๆ หรือการใช้อุปกรณ์ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมแล้ว การออกกำลังกายในสถานที่ที่มีอากศบริสุทธิ์ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนในปัจจุบันหันมาออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพกันมากขึ้น แต่คำถามคือ การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งนั้นทำให้ผู้ออกกำลังกายมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นจริงหรือไม่ ต้องยอมรับว่าปัญหามลพิษ และฝุ่นควันในปัจจุบันรุนแรงมากขึ้น และเป็นปัญหาที่มีผลกระทบไปทั่วบริเวณ ส่งผลต่อการการดำเนินชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่ารวมไปถึงการออกกำลังกายด้วย

บางคนชอบการออกกำลังกายในที่กลางแจ้ง โล่งโปร่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไปตามสตรีท ตามข้างถนน หรือแม้แต่การไปออกกำลังกายตามสวนสาธารณะต่าง ๆ ที่เป็นบริเวณที่โล่งแจ้ง การออกกำลังกายในที่โปร่งโล่งเป็นเรื่องที่ดีหากสภาพแวดล้อมของสถานที่ ที่ผู้คนๆ เลือกใช้ในการออกกำลัง เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เป็นมลพิษ แต่ก็อดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้วผู้คนเหล่านี้ ที่ออกมาออกกำลังกายแบบนี้นั้น จะมีสุขภาพที่แข็งแรงจริง ๆ หรือไม่

การออกมาวิ่งข้างถนน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง ในพื้นที่ ๆ แออัดในความหมายที่ว่า มีการจราจรติดขัดหนาแน่น หรือมีโรงงานอุสาหกรรมค่อนข้างเยอะ การที่เราออกมาวิ่งตามถนนที่มีความแออัดสูงนั้นจะส่งผลให้ขณะที่เรากำลังออกกำลังกาย จะต้องสูดดมมลพิษไปเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ควันจากท่อไอเสียของรถก็ตาม หรือแม้แต่ควันจากการปล่อยของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมก็ตาม

หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยมลพิษ การออกกำลังกายในสวนสาธารณะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราสามารถที่จะออกกำลังกายได้อย่างมีคุณภาพ สูดลมหายใจได้อย่างเต็มที่ แต่ปัญหาคือสวนสาธารณะที่ค่อนข้างอยู่ใจกลางเมืองมาก ๆ สภาพแวดล้อมรอบ ๆ สวนสาธารณะมักจะมีแต่มลพิษ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควันรถยนต์ต่าง ๆ หากคุณสามารถหลีกเลี่ยงไปใช้สวนสาธารณะที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษแล้วนั้น จะช่วยให้การออกกำลังกายของเพื่อน ๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การออกกำลังกายในพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์จริง ๆ เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ หากพื้นที่ที่คุณออกกำลังกายอยู่เป็นประจำมีความแออัดของมลพิษของข้างสูง ควรหลีกเลี่ยงกับการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง อาจจะเปลี่ยนเป็นการไปออกกำลังกายตามคลับฟิตเนสแทน ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้เรารู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ทำให้เราต้องสูดควัน มลพิษต่าง ๆ ซ้ำ ๆ ส่งผลเสียต่อร่างกาย

การออกกำลังกายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่ถูกต้องถูกวิธี การมีอุปกณ์ในการออกกำลังกายที่เหมาะสม มีความพอดิบพอดีกับสัดส่วนของร่างกายแล้ว การเลือกสถานที่ หรือพื้นที่ในการออกกำลังกาย ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ไปกว่ากันเลย

ทำไมนักธุรกิจถึงต้องตีกอล์ฟ

เราเคยสงสัยกันหรือเปล่าว่าทำไมนักธุรกิจ ผู้บริหาร หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ชอบการตีกอล์ฟ ชอบเล่นกีฬากอล์ฟ มีกีฬาอื่น ๆ อีกตั้งมากมายทำไมเขาถึงเลือกที่จะตีกอล์ฟกัน

  1. การเล่นกอล์ฟ หรือการออกรอบตีกอล์ฟช่วยคลายความเครียดได้มากขึ้น สำหรับนักธุรกิจหรือผู้บริหาร เชื่อว่าคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั้น เขาจะทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานเป็นอย่างมาก เวลาของแต่ละคนก็จะค่อนข้างยุ่งถึงยุ่งมากเลยทีเดียว ฉะนั้นการไปออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ จึงทำให้คลายความเครียดจากการทำงานได้ไม่น้อย
  2. แน่นอนว่าการออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นการตีกอล์ฟก็ตามหรือ การเล่นกีฬาประเภทอื่นก็ตามเสริมสร้างความแข็งแรง และทำให้ผู้เล่นมีสุขภาพร่างกายที่ดีอยู่แล้ว แต่การเล่นกอล์ฟได้อะไรมากกว่านั้น สิ่งที่นักธุรกิจให้ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ “คอนเนคชั่น” การออกไปเล่นกอล์ฟทำให้บุคคลเหล่านี้ได้พบปะพูดคุยกับคนใหม่ ๆ มากขึ้น และสิ่งที่สำคัญของการทำธุรกิจเลยก็คือ คอนเนคชั่นนั่นเอง
  3. สนามเจรจา นักธุรกิจและผู้บริหารหลายคนใช้พื้นที่สีเขียวในสนามกอล์ฟเป็นพื้นที่เจรจาธุรกิจ หรือดีลธุรกิจกัน เพราะการเล่นกอล์ฟจะทำให้เห็นถึงบุคลิกของดีลเลอร์และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ การแสดงทัศนคติ อารมณ์ต่อสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการลงทุนร่วมกัน ฉะนั้นการเล่นกอล์ฟจึงเสมือนการขยายโอกาสทางธุรกิจไปด้วย
  4. ฝึกวิธีคิดเล่นการพัฒนา กีฬาหลาย ๆ ประเภทก็เสริมสร้างทักษะต่าง ๆ ให้กับเราไม่เหมือนกัน ในส่วนของการเล่นกอล์ฟเองนั้น การใช้สมาธิจดจ่อกับการเล่นเป็นการฝึกทักษะและวิธีคิดได้เป็นอย่างดี เมื่อเรามีสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำอะไรแล้ว เราสามารถที่จะวิเคราะห์วางแผนเพื่อที่จะแก้ปัญหากับมันได้อย่างไม่ลังเล
  5. มีความทะเยอทะยานมากขึ้น กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ผู้เล่นต้องใช้ความอดทนในการเล่นเป็นอย่างมาก การที่นักธุรกิจหรือผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายท่านเล่น เปรียบเสมือนการต่อสู้ทางธุรกิจที่ต้องใช้ความอดทน ความทะเยอทะยานในการบริหารจัดการธุรกิจ การเล่นกอล์ฟจึงทำให้ผู้เล่นกลายเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ในปัญหาง่าย ๆ ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากลองครุนคิดดูแล้ว คงไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่ประสบความสำเร็จได้เลยถ้าหากคุณเป็นคนที่ยอมแพ้ง่าย

เห็นมั้ยว่าทำไมผู้ที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คนหรือนักธุรกิจ นักบริหารหลาย ๆ คนชื่นชอบการเล่นกอล์ฟ และหลงไหลในการตีกอล์ฟเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมบุคคลที่ประสบณ์ความสำเร็จถึงต้องตีกอล์ฟ เพราะมันให้อะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณเป็นหนึ่งคนที่อยากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรืออยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ ลองฝึกเล่นกีฬากอล์ฟกันดูนะ แล้วคุณจะหลงไหลในการตีกอล์ฟ